การรับประทานอาหารไม่ได้เป็นแค่สิ่งสำคัญของมนุษย์เท่านั้น เพราะเจ้าเหมียวก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความใส่ใจในการรับประทานอาหารไม่ต่างกัน ดังนั้นสำหรับคนเลี้ยงแมวแล้วความใส่ใจด้านอาหารจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องพื้นฐานที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้น้องแมวได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรงอยู่กับทาสอย่างเราไปอีกยาวนาน และไม่ให้น้องเจ็บป่วยเพราะได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสมโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาหารต่อไปนี้ที่เหล่าแมวเหมียวไม่ควรรับประทานโดยเด็ดขาด
- ผลิตภัณฑ์ประเภทนมวัว
นมวัวอาจเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์ แต่ในทางกลับกันนั้นนมวัวอาจเป็นสิ่งที่อันตรายต่อแมวได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะร่างกายของแมวโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัว (เช่นเดียวกับบางคนที่แพ้นมวัว เพราะไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยนั่นเอง) ดังนั้นเมื่อแมวได้รับประทานนมวัวเข้าไปแล้วก็มักจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียนได้ในเวลาต่อมา แต่ถ้าหากคุณยังต้องการให้แมวได้รับประทานนมอยู่ ก็ควรเลือกนมที่ปราศจากแลคโตสสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างนมแพะ หรือนมสำเร็จรูปสำหรับแมวโดยเฉพาะจะดีที่สุด - หัวหอมและกระเทียม
หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วแมวไม่ควรกินหัวหอม กระเทียม หอมแดง กุยช่าย หรืออาหารอื่นๆ ที่มีไทโอซัลเฟตเป็นสารประกอบที่อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อร่างกายของแมวได้ เพราะการรับประทานไทโอซัลเฟตจะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่เรียกว่า Hemolytic Anemia หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือภาวะเซลล์เม็ดเลือดแดงแตก ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง และยังทำให้กระเพาะอาหารมีปัญหาอีกด้วย - แอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์ เพราะหากเจ้าเหมียวของคุณได้เผลอพลาดไปรับประทานเครื่องดื่มเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายแล้วล่ะก็อาจทำให้เกิดอาการมึนเมาโคม่า และเสียชีวิตได้แม้เพียงในปริมาณเล็กน้อยก็สามารถทำลายตับ และสมองของแมวได้ ยกตัวอย่างเช่นแมวน้ำหนัก 2 กิโลกรัมของคุณได้กินวิสกี้ในปริมาณเล็กน้อยเพียงสองช้อนชาก็อาจทำให้เกิดอาการโคม่า หรืออาจนำไปสู่ความตายได้ เพราะแอลกอฮอล์จะมีพิษมากสำหรับแมวเนื่องจากร่างกายของแมวสามารถดูดซึมได้เร็วมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือคุณอย่าลังเลที่จะติดต่อสัตวแพทย์หากคุณสงสัยว่าแมวของคุณได้รับพิษจากแอลกอฮอล์ - แป้งยีสต์, ยีสต์, แป้งโดว์ดิบ
ยีสต์เป็นส่วนผสมที่อยู่ในขนมปังซึ่งหากคุณเคยทำขนมปังหรือแป้งพิซซ่าเองคุณจะรู้ว่าแป้งต้องฟูขึ้น ซึ่งหากแมวของคุณกินแป้งเข้าไปมันก็จะไปขยายตัวขึ้นในกระเพาะของแมว ซึ่งอาจจะส่งผลให้กระเพาะ และลำไส้ของแมวแตกได้ ไม่เพียงแต่แป้งที่จะขยายในท้องของแมวแต่เมื่อมันถูกหมักยีสต์จะปล่อยแอลกอฮอล์ออกมา ซึ่งผลเสียก็จะออกมาตามข้อ 3 ที่ได้อ่านผ่านมาเลย - ตับ (ดิบ)
สำหรับมนุษย์แล้วตับถือเป็นแหล่งอาหารที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย แต่สำหรับแมวแล้วการที่ได้รับสารอาหารจากตับมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกาย เพราะในตับมีวิตามินเอสูงมาก ดังนั้นแมวที่กินตับมากเกินไปเป็นเวลานานร่างกายจะเกิดความไม่สมดุลของวิตามินเอที่เป็นอันตรายซึ่งเรียกว่าภาวะไฮเปอร์วิตามิโนซิสเอจนทำให้เกิดโทษต่อร่างกายส่งผลให้เกิดกระดูกเปราะ และยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของมดลูกอีกด้วย - ปลาดิบ
แมวหลายๆ ตัวมักชื่นชอบในรสชาติของปลา แต่การที่คุณจะให้แมวกินปลาดิบติดต่อกันเป็นเวลานานนับว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก เพราะปลาดิบอาจทำให้แมวของคุณเกิดอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้ เนื่องจากแบคทีเรีย และนอกจากนี้ปลาดิบยังทำให้ร่างกายของน้องแมวเกิดอาการขาดวิตามิน B1 ซึ่งอาการนี้จะทำให้น้องแมวเบื่ออาหาร เกิดอาการช็อคหมดสติ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ - มะเขือเทศเขียว และมันฝรั่ง
มะเขือเทศเขียว และมันฝรั่งถือเป็นอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของแมว เนื่องจากมีอัลคาลอยด์ที่มีพิษเรียกว่าไกลโคอัลคาลอยด์โซลานีน ซึ่งเป็นพิษมากและอาจนำไปสู่ปัญหาระบบทางเดินอาหารส่วนล่างของเจ้าเหมียวได้ แต่ในกรณีที่อาหารแมวบางชนิดมีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมในปริมาณน้อย และถูกปรุงสุกแล้วก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อแมวมากนัก - ลูกอมและหมากฝรั่ง
องค์ประกอบหลักของลูกอมและหมากฝรั่งคือสารไซลิทอล ซึ่งสารตัวนี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของแมวโดยตรงหากได้รับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้ และมันจะเพิ่มระดับอินซูลินของแมวทำให้ระดับน้ำตาลของเขาลดลงอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่อันตราย จนเกิดอาการหมดสติ ชัก อาเจียน เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหาร ลำไส้หรือช่องท้อง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
จาก 8 อาหารต้องห้ามสุดอันตรายที่น้องเหมียวไม่ควรรับประทาน มาวมาวเชื่อว่าอาหารบางอย่างมนุษย์ผู้รักแมวอย่างเราๆ ก็ไม่คิดจะเอาให้เจ้าเหมียวกินอยู่แล้ว ดังนั้นในบทความนี้ก่อนที่เราจะจากกันไปมาวมาวอยากจะขอแนะนำให้เจ้าของแมวทุกคนระวังในการจัดเก็บอาหารเหล่านั้นให้ดี เพราะในบางครั้งเจ้าเหมียวก็อาจจะเผลอไปชิมด้วยตัวเองจนเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว