บทความน่ารู้
น้องเหมียวของคุณกำลังมีพฤติกรรมเลียขนมากเกินไปหรือเปล่า ?
บางครั้งน้องเหมียวเลียขนมากเกินไปจนเกิดภาวะขนหลุดร่วงและมีอาการผิวหนังอักเสบเกิดขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นน้องเหมียวของคุณอาจอยู่ในภาวะที่เรียกว่า Psychogenic Alopecia ก็เป็นได้
ภาวะ Psychogenic Alopecia คืออะไร ?
คือ ภาวะขนหลุดร่วงเนื่องจากเนื่องจากแมวเลียขนหรือแต่งตัวบ่อยเกินไป โดยปกติน้องเหมียวจะใช้เวลาในการเลียขนประมาณ 5-25% ของเวลาที่เขาตื่น ถ้าน้องเหมียวใช้เวลาเลียขนมากเกินไปจะทำให้เกิดภาวะขนร่วงและผิวหนังอักเสบได้ การเลียขนที่บ่อยเกินไปนี้อาจเกิดจากน้องเหมียวมีความบอบช้ำทางจิตใจ ความวิตกกังวล ความเบื่อหน่าย โดยรวมคือน้องเหมียวกำลังมีความเครียดเกิดขึ้นนั่นเอง
สำหรับอาการทางผิวหนังที่แสดงออกมานั้น มักเกิดอาการขนร่วงและผิวหนังชื้นแฉะบริเวณขาหน้า บริเวณหลัง ขาหนีบ และท้อง ซึ่งเกิดจากน้องเหมียวกัดแทะตัวเองและดึงขนจนหลุด สำหรับความเครียดที่กระตุ้นให้เกิดภาวะนี้ได้นั้นอาจเกิดจากการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ เช่น การย้ายบ้าน การเปลี่ยนเจ้าของ การมีสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้านไม่ว่าจะเป็นแมวตัวใหม่หรือสุนัข การเห็นแมวตัวอื่นหรือสัตว์อื่นๆเข้ามาในบริเวณบ้าน หรือการถูกสัตว์อื่นรังแก
น้องแต่งตัวบ่อยเกินไป..ทำยังไงดี..?
โรคนี้ยังไม่มีการตรวจเฉพาะที่จะบ่งบอกถึงภาวะ Psychogenic Alopecia ได้โดยตรง ดังนั้น เมื่อเจ้าของพาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ เจ้าของต้องบอกอาการและข้อมูล เพื่อการวินิจฉัยแยกออกจากโรคผิวหนังอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแบบเดียวกัน เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง มีปรสิตที่ผิวหนัง หรือโรคภูมิแพ้ เป็นต้น
การรักษาทางยาจะช่วงรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากปรสิตภายนอก หรือเชื้อแบคทีเรียได้ แต่สำหรับภาวะ Psychogenic Alopecia แล้วจะต้องรักษาโดยการลดความเครียดให้น้องเหมียวและควรจะต้องให้เวลาในการอยู่และเล่นกับน้องเหมียวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้น้องเหมียวลืมการเลียขนได้ ไม่ควรใช้การลงโทษเมื่อน้องเหมียวเกิดพฤติกรรมนี้ เพราะนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้วยังเป็นการเพิ่มความเครียดและทำให้อาการแย่ลงอีกด้วย อาจมีการใส่ปลอกคอกันเลีย (Elizabethan collars) หรือมีการใช้บอระเพ็ดทาบริเวณที่น้องเหมียวเลียตัวเองก็อาจช่วยได้ สำหรับน้องเหมียวที่เครียดจากการมีน้องเหมียวตัวใหม่เข้ามาในบ้านอาจช่วยโดยการนำเขาไปอยู่ในกรงที่อยู่สบาย จะทำให้เขามีพื้นที่ส่วนตัวซึ่งช่วยลดความเครียดได้ และสำหรับน้องเหมียวที่มีอาการรุนแรงคุณหมออาจช่วยโดยการให้ยาคลายเครียด จนกระทั่งอาการดีขึ้นจึงค่อย ๆ ลดขนาดยาลง
น้องเหมียวของใครที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ ขนร่วง รักษาเท่าไรก็ไม่หาย ลองนึกถึงโรคนี้และปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อให้น้องเหมียวได้กลับมามีขนสวย ๆ ให้คุณเจ้าของได้ชื่นใจอีกครั้งนะ..เหมียว!
แอดมินเชื่อว่าเจ้าของเหมียวหลายๆ บ้านอาจเคยรู้สึกสงสัยว่าอาหารแมวแบบเม็ดนั้นดีต่อร่างกายของเจ้าเหมียวจริงไหม และการให้เหมียวกินอาหารเม็ดนั้นดีอย่างไร
.
วันนี้แอดมินก็จะมาบอกเล่าถึงข้อดีของอาหารเม็ดที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ
.
อาหารเม็ดราคาไม่สูง มีราคาถูกกว่าอาหารเปียก
.
สามารถเก็บไว้ได้นาน เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์
.
สะดวกสบายในการแจกจ่ายอาหาร เพราะสามารถตวงปริมาณ และตักให้แมวได้อย่างเหมาะสม
.
สามารถตักทิ้งไว้ในชามให้แมวกินได้ทั้งวันโดยที่ไม่เน่าเสีย
.
บริหารเหงือก และฟันให้แข็งแรงอยู่เสมอ
.
ลดการก่อตัวของหินปูน เพราะการกัดแทะอาหารเม็ดจะช่วยขัดฟันของเจ้าเหมียวไปด้วย
.
และนี่ก็เป็นข้อดีของอาหารแมวชนิดเม็ดที่ทาสควรรู้ไว้ที่แอดมิน และ มาว มาว ได้นำมาฝากทุกคนในวันนี้ แต่ก่อนจะจากกันไปแอดมิน ขอบอกอีกนิดว่าการเลือกอาหารที่ดีให้เจ้าเหมียวควรคำนึงถึงคุณภาพ โภชนาการของอาหารด้วย
แอดมินเชื่อว่าเจ้าของเหมียวหลายๆ บ้านอาจเคยรู้สึกสงสัยว่าอาหารแมวแบบเม็ดนั้นดีต่อร่างกายของเจ้าเหมียวจริงไหม และการให้เหมียวกินอาหารเม็ดนั้นดีอย่างไร
.
วันนี้แอดมินก็จะมาบอกเล่าถึงข้อดีของอาหารเม็ดที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลยค่ะ
.
อาหารเม็ดราคาไม่สูง มีราคาถูกกว่าอาหารเปียก
.
สามารถเก็บไว้ได้นาน เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์
.
สะดวกสบายในการแจกจ่ายอาหาร เพราะสามารถตวงปริมาณ และตักให้แมวได้อย่างเหมาะสม
.
สามารถตักทิ้งไว้ในชามให้แมวกินได้ทั้งวันโดยที่ไม่เน่าเสีย
.
บริหารเหงือก และฟันให้แข็งแรงอยู่เสมอ
.
ลดการก่อตัวของหินปูน เพราะการกัดแทะอาหารเม็ดจะช่วยขัดฟันของเจ้าเหมียวไปด้วย
.
และนี่ก็เป็นข้อดีของอาหารแมวชนิดเม็ดที่ทาสควรรู้ไว้ที่แอดมิน และ มาว มาว ได้นำมาฝากทุกคนในวันนี้ แต่ก่อนจะจากกันไปแอดมิน ขอบอกอีกนิดว่าการเลือกอาหารที่ดีให้เจ้าเหมียวควรคำนึงถึงคุณภาพ โภชนาการของอาหารด้วย
การรับประทานอาหารไม่ได้เป็นแค่สิ่งสำคัญของมนุษย์เท่านั้น เพราะเจ้าเหมียวก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความใส่ใจในการรับประทานอาหารไม่ต่างกัน ดังนั้นสำหรับคนเลี้ยงแมวแล้วความใส่ใจด้านอาหารจึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องพื้นฐานที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้น้องแมวได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรงอยู่กับทาสอย่างเราไปอีกยาวนาน และไม่ให้น้องเจ็บป่วยเพราะได้รับอาหารที่ไม่เหมาะสมโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาหารต่อไปนี้ที่เหล่าแมวเหมียวไม่ควรรับประทานโดยเด็ดขาด
- ผลิตภัณฑ์ประเภทนมวัว
นมวัวอาจเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์ แต่ในทางกลับกันนั้นนมวัวอาจเป็นสิ่งที่อันตรายต่อแมวได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะร่างกายของแมวโดยทั่วไปแล้วจะไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมวัว (เช่นเดียวกับบางคนที่แพ้นมวัว เพราะไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยนั่นเอง) ดังนั้นเมื่อแมวได้รับประทานนมวัวเข้าไปแล้วก็มักจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียนได้ในเวลาต่อมา แต่ถ้าหากคุณยังต้องการให้แมวได้รับประทานนมอยู่ ก็ควรเลือกนมที่ปราศจากแลคโตสสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างนมแพะ หรือนมสำเร็จรูปสำหรับแมวโดยเฉพาะจะดีที่สุด - หัวหอมและกระเทียม
หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วแมวไม่ควรกินหัวหอม กระเทียม หอมแดง กุยช่าย หรืออาหารอื่นๆ ที่มีไทโอซัลเฟตเป็นสารประกอบที่อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อร่างกายของแมวได้ เพราะการรับประทานไทโอซัลเฟตจะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย ซึ่งเป็นภาวะร้ายแรงที่เรียกว่า Hemolytic Anemia หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือภาวะเซลล์เม็ดเลือดแดงแตก ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง และยังทำให้กระเพาะอาหารมีปัญหาอีกด้วย - แอลกอฮอล์
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์ เพราะหากเจ้าเหมียวของคุณได้เผลอพลาดไปรับประทานเครื่องดื่มเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายแล้วล่ะก็อาจทำให้เกิดอาการมึนเมาโคม่า และเสียชีวิตได้แม้เพียงในปริมาณเล็กน้อยก็สามารถทำลายตับ และสมองของแมวได้ ยกตัวอย่างเช่นแมวน้ำหนัก 2 กิโลกรัมของคุณได้กินวิสกี้ในปริมาณเล็กน้อยเพียงสองช้อนชาก็อาจทำให้เกิดอาการโคม่า หรืออาจนำไปสู่ความตายได้ เพราะแอลกอฮอล์จะมีพิษมากสำหรับแมวเนื่องจากร่างกายของแมวสามารถดูดซึมได้เร็วมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญคือคุณอย่าลังเลที่จะติดต่อสัตวแพทย์หากคุณสงสัยว่าแมวของคุณได้รับพิษจากแอลกอฮอล์ - แป้งยีสต์, ยีสต์, แป้งโดว์ดิบ
ยีสต์เป็นส่วนผสมที่อยู่ในขนมปังซึ่งหากคุณเคยทำขนมปังหรือแป้งพิซซ่าเองคุณจะรู้ว่าแป้งต้องฟูขึ้น ซึ่งหากแมวของคุณกินแป้งเข้าไปมันก็จะไปขยายตัวขึ้นในกระเพาะของแมว ซึ่งอาจจะส่งผลให้กระเพาะ และลำไส้ของแมวแตกได้ ไม่เพียงแต่แป้งที่จะขยายในท้องของแมวแต่เมื่อมันถูกหมักยีสต์จะปล่อยแอลกอฮอล์ออกมา ซึ่งผลเสียก็จะออกมาตามข้อ 3 ที่ได้อ่านผ่านมาเลย - ตับ (ดิบ)
สำหรับมนุษย์แล้วตับถือเป็นแหล่งอาหารที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย แต่สำหรับแมวแล้วการที่ได้รับสารอาหารจากตับมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกาย เพราะในตับมีวิตามินเอสูงมาก ดังนั้นแมวที่กินตับมากเกินไปเป็นเวลานานร่างกายจะเกิดความไม่สมดุลของวิตามินเอที่เป็นอันตรายซึ่งเรียกว่าภาวะไฮเปอร์วิตามิโนซิสเอจนทำให้เกิดโทษต่อร่างกายส่งผลให้เกิดกระดูกเปราะ และยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของมดลูกอีกด้วย - ปลาดิบ
แมวหลายๆ ตัวมักชื่นชอบในรสชาติของปลา แต่การที่คุณจะให้แมวกินปลาดิบติดต่อกันเป็นเวลานานนับว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก เพราะปลาดิบอาจทำให้แมวของคุณเกิดอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้ เนื่องจากแบคทีเรีย และนอกจากนี้ปลาดิบยังทำให้ร่างกายของน้องแมวเกิดอาการขาดวิตามิน B1 ซึ่งอาการนี้จะทำให้น้องแมวเบื่ออาหาร เกิดอาการช็อคหมดสติ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ - มะเขือเทศเขียว และมันฝรั่ง
มะเขือเทศเขียว และมันฝรั่งถือเป็นอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของแมว เนื่องจากมีอัลคาลอยด์ที่มีพิษเรียกว่าไกลโคอัลคาลอยด์โซลานีน ซึ่งเป็นพิษมากและอาจนำไปสู่ปัญหาระบบทางเดินอาหารส่วนล่างของเจ้าเหมียวได้ แต่ในกรณีที่อาหารแมวบางชนิดมีมะเขือเทศเป็นส่วนผสมในปริมาณน้อย และถูกปรุงสุกแล้วก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อแมวมากนัก - ลูกอมและหมากฝรั่ง
องค์ประกอบหลักของลูกอมและหมากฝรั่งคือสารไซลิทอล ซึ่งสารตัวนี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของแมวโดยตรงหากได้รับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้ และมันจะเพิ่มระดับอินซูลินของแมวทำให้ระดับน้ำตาลของเขาลดลงอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่อันตราย จนเกิดอาการหมดสติ ชัก อาเจียน เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหาร ลำไส้หรือช่องท้อง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
จาก 8 อาหารต้องห้ามสุดอันตรายที่น้องเหมียวไม่ควรรับประทาน มาวมาวเชื่อว่าอาหารบางอย่างมนุษย์ผู้รักแมวอย่างเราๆ ก็ไม่คิดจะเอาให้เจ้าเหมียวกินอยู่แล้ว ดังนั้นในบทความนี้ก่อนที่เราจะจากกันไปมาวมาวอยากจะขอแนะนำให้เจ้าของแมวทุกคนระวังในการจัดเก็บอาหารเหล่านั้นให้ดี เพราะในบางครั้งเจ้าเหมียวก็อาจจะเผลอไปชิมด้วยตัวเองจนเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว
เมื่อเราได้ซื้อหรือเก็บแมวมาเลี้ยง น้องเหมียวควรได้รับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์ก่อนทุกครั้ง ถ้าลูกแมวมีสุขภาพที่แข็งแรงดีและมีอายุมากกว่าหนึ่งเดือนขึ้นไป สัตวแพทย์จะป้อนยาถ่ายพยาธิให้(ลูกแมวส่วนมากมีพยาธิด้วยกันเกือบทุกตัว) โดยเฉพาะแมวที่เก็บมาเลี้ยงแล้วมีอาการท้องป่องๆเมื่อเลี้ยงได้ไม่นานก็จะเห็นพยาธิปนออกมากับอุจจาระ หรือแมวบางตัวอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย หนทางที่ดีที่สุดคือลูกแมวทุกตัวสมควรได้รับการถ่ายพยาธิ
วัคซีนป้องกันโรคต่างๆนั้น จะทำเมื่อลูกแมวอายุสองเดือนขึ้นไปและลูกแมวต้องเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านก่อนหนึ่งสัปดาห์ก่อนได้รับการทำวัคซีนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคใดแอบแฝงอยู่ในตัวเพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะว่าบางโรคในลูกแมวนั้นอาจอยู่ในระยะฟักตัวยังไม่
แสดงอาการของโรคออกมาให้สัตวแพทย์ตรวจวินิจฉัยได้ รวมทั้งเมื่อลูกแมวย้ายที่อยู่ก็จะมีความเครียดต่อการย้ายที่อยู่ใหม่ซึ่งเมื่อทำวัคซีนไปแล้วจะทำให้ภูมิคุ้มกันขึ้นได้ไม่ดีและอาจทำให้ลูกแมวอ่อนแอป่วยได้ง่าย ดังนั้นลูกแมวจึงต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับที่อยู่ใหม่รวมทั้งสภาพแวดล้อมใหม่ด้วยเมื่อลูกแมวได้ย้ายเข้ามาในบ้านถ้าเจ้าของมีแมวที่เลี้ยงอยู่ก่อนแล้วเราควรนำลูกแมวเลี้ยงแยกกับตัวอื่นเสียก่อนจนกว่าเราจะแน่ใจว่าลูกแมวไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรและมีการทำวัคซีนที่ครบแล้วเราจึงสามารถนำลูกแมวไปอาศัยร่วมกับแมวตัวอื่นได้
วิธีการเลี้ยงดูลูกแมวถ้าเป็นไปได้ขังกรงไว้หรือเลี้ยงอยู่ในห้อง หากระบะทรายไว้ให้ถ้าให้ดีให้ผสมทรายที่มีปัสสาวะของแมวไว้เล็กน้อย การฝึกใช้กระบะทรายโดยปกติแล้วลูกแมวมักจะอยากอุจจาระหรือปัสสาวะหลังทานอาหารเมื่อลูกแมวทานอาหารเสร็จแล้วให้นำลูกแมวไปวางไว้บนกระบะทรายให้ลูกแมวได้รู้ที่ขับถ่ายของเค้าถ้าลูกแมวปัสสาวะเรี่ยราดตามที่ต่างๆเราควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วหาอะไรมาดับกลิ่นเช่น มะนาว น้ำหอม เพื่อป้องกันไม่ให้น้องแมวปัสสาวะทับที่เดิม ส่วนเรื่องอาหารก็เป็นสูตรสำหรับลูกแมวหาได้จากโรงพยาบาลสัตว์และpet shop ทานสามมื้อ(เช้า-กลางวัน-เย็น)ถ้าลูกแมวเด็กมากต้องทานนม ควรให้ทานนมแพะหรือนมสำหรับลูกแมวเท่านั้น อย่าให้…นมโค…เด็ดขาด เพราะลูกแมวบางตัวแพ้นมโคซึ่งจะทำให้ลูกแมวท้องเสียได้
เมื่อถึงเวลาที่นำลูกแมวไปเลี้ยงรวมกับแมวตัวอื่น เราไม่ควรปล่อยลูกแมวให้เข้าไปคลุกคลีโดยทันทีเพราะลูกแมวมีกลิ่นที่แปลกอาจถูกแมวตัวอื่นทำร้ายได้ ควรนำลูกแมวใส่กรงไว้แล้วนำไปวางไว้ให้แมวตัวอื่นได้ดมกลิ่นให้คุ้นเคยเสียก่อน ถ้ามีแมวบางตัวยังไม่ยอมรับเราอาจนำผ้าหรือที่นอนที่มีกลิ่นแมวตัวนั้น(แมวที่เคยอยู่มาก่อน)มาถูที่ลูกแมวเพื่อให้ตัวลูกแมวมีกลิ่นแมวตัวนั้น และทำให้ลดความก้าวร้าวต่อลูกแมวน้อยลงได้
ในการเลี้ยงแมวอาหารถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาหารถือเป็นเรื่องพื้นฐานในการดูแลสัตว์เลี้ยงที่เจ้าของทุกคนควรให้ความใส่ใจ เพื่อให้สุขภาพแมวของคุณแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก อายุยืนนาน ไร้ปัญหาสุขภาพมากวนใจ ซึ่งเหตุผลเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ Mao Mao เข้าใจและให้ความสำคัญเราจึงได้ผลิตอาหารแมวคุณภาพดีที่แมวหลงรักอย่าง Mao Mao ขึ้นมาด้วยความใส่ใจในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายของเจ้าเหมียวไม่ว่าจะเป็น
- Tuna Oil (ทูน่าออยล์) ส่วนผสมที่ทำให้แมวลดอาการขนหลุดร่วง บำรุงผิวหนังและขนให้แข็งแรงเงางาม รักษาอาการอักเสบของผิวหนังลดอาการคันได้ดีเยี่ยม
- Choline Acids (โคลีน) สารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อระบบประสาท และสมองของน้องแมว
- Amino Acids (อะมิโน) สารอาหารสำคัญที่น้องแมวทุกตัวควรได้รับเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แบบทุกช่วงวัย
- Taurine (ทอรีน) สารอาหารที่ควรมีในอาหารแมวเพื่อป้องกันอาการผิดปกติต่อร่างกาย ซึ่งแมวไม่สามารถสังเคราะห์เองได้
ผลิตภัณฑ์อาหารแมวของมาวมาวนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ถูกรังสรรค์มาให้สอดคล้องตามมาตรฐานของกองควบคุมอาหารสัตว์เลี้ยงแห่งสหรัฐอเมริกา (AAFCO) ตัวอาหารนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของแมวตามหลักโภชนาการของสถาบันวิจัยแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NRC)
ประโยชน์ที่เจ้าเหมียวจะได้รับเมื่อรับประทานอาหารแมว Mao Mao เป็นประจำ
- ป้องกันการเกิดคราบหินปูนด้วยรูปแบบอาหารของเม็ดอาหาร และแร่ธาตุที่ช่วยขัดฟัน ลดการก่อตัวของคราบพลัคและหินปูน
- ขนสวยไม่หลุดร่วงแข็งแรงด้วยการบำรุงจากวิตามินเอ อี และบี ที่ผสานเข้ากับแร่ธาตุที่สำคัญเช่นสังกะสี และทองแดง
- เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ด้วยสารต้านอนุมูนอิสระคุณภาพสูง
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อข้อต่อ และการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพสูงด้วยส่วนผสมจากโปรตีนคุณภาพสูง
- เสริมคุณค่าทางอาหารที่จำเป็นต่อแมวอย่างกรดอะมิโน ทอรีน ที่จะเข้าบำรุงร่างกายของแมวในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการบำรุงระบบประสาทตา การมองเห็น กล้ามเนื้อหัวใจ อวัยวะภายใน และเสริมสร้างการทำงานของระบบกระดูก ช่วยให้แม่แมวที่ตั้งครรภ์ดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากประโยชน์หรือคุณค่าทางอาหารที่ Mao Mao จัดเต็มให้กับน้องแมวแล้ว อาหารแมว Mao Mao ยังมาพร้อมความหอม และรสชาติอร่อยตามแบบฉบับอาหารที่แมวชื่นชอบ ทั้งยังมีขนาดเม็ดที่เล็กพอดีคำรับประทานง่าย รับประทานได้ตั้งแต่แมวอายุ 1 ปีขึ้นไป